ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ

โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ (ญี่ปุ่น: ?? ?? ???? ???? Tokugawa Yoshinobu, สามารถอ่านได้อีกอย่างว่า โทะกุงะวะ เคกิ (Tokugawa Keiki) ?, 28 ตุลาคม ค.ศ. 1837 - 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1913) เป็นโชกุนลำดับที่ 15 และโชกุนคนสุดท้ายของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะแห่งประเทศญี่ปุ่น

โยะชิโนะบุเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะมาหลายสมัย และได้เคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปรัฐบาลโชกุนซึ่งกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอย แต่จบลงด้วยความล้มเหลวอย่างรุนแรงยิ่ง ภายหลังเมื่อสละตำแหน่งและถวายอำนาจของโชกุนคืนแก่จักรพรรดิเมจิแล้ว โยะชิโนะบุได้เกษียณตนเองและใช้ชีวิตโดยหลบเลี่ยงจากสายตาของสาธารณชนตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยวัย 76 ปี นับว่าเป็นโชกุนผู้มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ เกิดอยู่ที่นครเอะโดะ (โตเกียว) โดยเป็นบุตรคนที่ 7 ของโทะกุงะวะ นะริอะกิ ไดเมียวแห่งแคว้นมิโตะ ซึ่งแคว้นนี้นับเป็น 1 ใน 3 สายตระกูลสำคัญของตระกูลโทะกุงะวะ (โกะซังเคะ) ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือกให้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งโชกุน

เมื่อแรกเกิดนั้น โยะชิโนะบุใช้ชื่อว่า "มะสึไดระ ชิจิโรมะ" และได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้นิยมการทหารอย่างเข้มงวด เขาได้รับการสั่งสอนในวิชาอักษรศาสตร์และศิลปะการป้องกันตัว ตลอดจนถึงการศึกษาหลักวิชารัฐศาสตร์และการปกครองตามธรรมเนียมดั้งเดิม

ด้วยการส่งเสริมของผู้เป็นบิดา ชิจิโรมะจึงได้รับการยอมรับเป็นบุตรบุญธรรมของสายตระกูลฮิโตะสึบะชิ อันเป็นตระกูลสำคัญหนึ่งตระกูลหนึ่งของตระกูลโทะกุงะวะ เพื่อให้มีโอกาสที่จะได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่งโชกุนได้มากยิ่งขึ้น เขาได้อยู่ในตำแหน่งของผู้นำตระกูลในปี ค.ศ. 1847 พร้อมทั้งได้รับยศและราชทินนามจากราชสำนัก และไดรับการเปลี่ยนชื่อเป็น "โยะชิโนะบุ" ต่อมาเมื่อโทะกุงะวะ อิเอะซะดะ โชกุนลำดับที่ 13 ได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1858 โยะชิโนะบุจึงได้ถูกเสนอชื่อในฐานะของผู้สืบทอดผู้มีศักยภาพในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งบรรดาผู้สนับสนุนของเขาถูกโน้มน้าวใจด้วยความสามารถและประสิทธิภาพในการจัดการเกี่ยวกับกิจการต่างๆ ภายในตระกูล อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงการข้ามภายใต้การนำของอี นะโอะสุเกะ กลับเป็นฝ่ายชนะ โทะกุงะวะ โยะชิโตะมิ ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อของฝ่ายดังกล่าวได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งโชกุนคนที่ 14 ในชื่อ โทะกุงะวะ อิเอะโมะจิ หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่กำลังเกิดการกวาดล้างศักราชอันเซ โยะชิโนะบุพร้อมทั้งบรรดาผู้สนับสนุนก็ถูกลงโทษด้วยการกักตัวในบ้านพักประจำแคว้นที่นครเอะโดะ ตัวโยะชิโนะบุเองก็ถูกถอดจากฐานะผู้นำของตระกูลฮิโตะสึบะชิด้วย

ยุคแห่งการสำเร็จราชการแทนโชกุนของไทโร อี นะโอะสุเกะ เป็นที่จดจำจากการบริหารนโยบายที่ผิดพลาดและการต่อสู้ทางการเมืองอย่างดุเดือด หลังการลอบสังหารอีที่ประตูซะกุระดะในปี ค.ศ. 1860 โยะชิโนะบุก็ได้รับคืนฐานะผู้นำตระกูลฮิโตะสึบะชิอีกครั้ง และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ดูแลโชกุน (ญี่ปุ่น: ????? sh?gun atomi-shoku โชงุง อะโตะมิ-โชะคุ ?) ในปี ค.ศ. 1862 และได้รับการแต่งตั้งภายในระยะเวลาอันสั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนั้เอง พันธมิตรที่ใกล้ชิดโยะชิโนะบุ 2 คน คือ มะสึไดระ โยะชินะงะ และมะสึไดระ คะตะโมะริ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งระดับสูงเช่นกัน โดยโยะชินะงะได้เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการการเมือง (ญี่ปุ่น: ????? seiji s?sai shoku เซญิ โซไซ โชะคุ ?) , ส่วนคะตะโมะริอยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์พระนครเคียวโตะ (ญี่ปุ่น: ????? Kyoto Shugoshoku เคียวโตะชุโงะโชะคุ ?) . ในเวลาต่อมาบุรุษทั้งสามนี้ ได้มีบทบาทอย่างยิ่งในการปราบปรามเหตุไม่สงบทางการเมืองในกรุงเคียวโตะ และรวบรวมพันธมิตรต่างๆ เพื่อต่อต้านกิจกรรมของฝ่ายกบฏจากแคว้นโจชู นอกจากนี้ทั้งสามยังเป็นบุคคลสำคัญในกลุ่มการเมืองแนวทาง "โคบุ-กัตไต" (ประสานราชสำนักกับบะกุฟุ) ซึ่งพยายามหาทางทำให้ราชสำนักกับรัฐบาลโชกุนปรองดองกันด้วยการแต่งงานทางการเมือง

ในปี ค.ศ. 1864 โยะชิโนะบุในฐานผู้บัญชาการกองทหารล้อมวัง ประสบความสำเร็จในการขับไล่กองกำลังของแคว้นโจชูซึ่งพยายามยึดครองประตูฮะมะงุริของพระราชวังหลวงที่เคียวโตะ ปฏิบัติการดังกล่าวสำเร็จลงได้ด้วยการใช้กำลังทหารจากพันธมิตรระหว่างแคว้นไอสึกับแคว้นซะสึมะ

หลังมรณกรรมของโชกุนโทะกุงะวะ อิเอะโมะจิ อย่างกะทันหันในปี ค.ศ. 1866 โยะชิโนะบุถูกเลือกให้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งเป็นโชกุนลำดับที่ 15 เขาเป็นโชกุนตระกูลโทะกุงะวะเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งอยู่นอกนครเอะโดะ เพราะเขาจะไม่มีโอกาสได้เหยียบย่างสู่ปราสาทเอะโดะเลยตลอดสมัยแห่งการเป็นโชกุน

ทันทีที่โยะชิโนะบุได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น มีการปฏิรูปรัฐบาลโชกุนครั้งใหญ่เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับความช่วยเหลือจากจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 ในการสร้างโรงหล่อปืนใหญ่ที่เมืองโยะโกะซุกะ ภายใต้การอำนวยการของเลออองซ์ แวร์นี (Leonce Verny) และบรรดาผู้ติดตามจากคณะทูตทหารฝรั่งเศส เพื่อปรับปรุงกองทัพของบะกุฟุหรือรัฐบาลโชกุนให้มีความทันสมัย

กองทัพแห่งชาติทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ ซึ่งรัฐบาลโชกุนได้ดำเนินการจัดตั้งมาก่อนอยู่แล้ว ก็ได้รับการเสริมกำลังโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศส และการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา นักสังเกตการณ์จำนวนมากมองว่ารัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะกำลังวางรากฐานไปสู่การปรับปรุงฐานกำลังและอำนาจ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะล้มเหลวลงในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี

ด้วยความหวาดกลัวเสริมความมั่นคงของรัฐบาลโชกุนภายใต้ผู้นำที่เข้มแข็งและเฉลียวฉลาด ซะมุไรจากแคว้นซะสึมะ แคว้นโจชู และแคว้นโทะสะ ได้รวมกลุ่มเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลใหม่ ภายใต้คำขวัญ "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับคนป่าเถื่อน" ("ซนโนโจอิ") และผสมด้วยความกล้วว่าโชกุนผู้นี้จะเป็นเหมือนดั่ง "กำเนิดใหม่ของอิเอะยะสึ" ซึ่งจะช่วงชิงอำนาจจากจักรพรรดิสืบต่อไป ทั้งหมดจึงร่วมกันปฏิบัติการเพื่อนำมาซึ่งจุดจบของระบอบโชกุน แม้ว่าเป้าหมายในบั้นปลายของแต่ละฝ่ายจะแตกต่างกันก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคว้นโทะสะซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองสายกลางมากกว่าอีกสองแคว้น ได้เสนอการประนีประนอมโดยให้โชกุนโยะชิโนะบุยอมสละตำแหน่งของตนเสีย แต่ยังคงให้สิทธิเป็นประธานสภาปกครองประเทศชุดใหม่ที่จะตั้งขึ้นอันประกอบด้วยไดเมียวจากแคว้นต่างๆ ในที่สุดแล้ว ยะมะโนะอุจิ โทะโยะโนะริ ไดเมียวแห่งโทะสะ พร้อมด้วยโกะโต โชจิโร ผู้เป็นที่ปรึกษาคนสนิท ก็ได้เรียกร้องให้โยะชิโนะบุลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้แนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ

โยะชิโนะบุได้สละตำแหน่งในปลายปี ค.ศ. 1867 ยังผลคือการถวายอำนาจการปกครองบ้านเมืองคืนแก่จักรพรรดิอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นจึงมีการถอนกำลังรบของรัฐบาลโชกุนจากนครหลวงเคียวโตะมาประจำอยู่ที่เมืองโอซะกะ อย่างไรก็ตาม แคว้นซะสึมะและแคว้นโจชูถึงแม้จะสนับสนุนการจัดตั้งสภาไดเมียว แต่ก็คัดค้านในการให้โยะชิโนะบุขึ้นเป็นประธานสภาดังกล่าว ทั้งสองแคว้นได้รับราชโองการลับจากจักรพรรดิ ให้ใช้กำลังในการต่อต้านโยะชิโนะบุ (ซึ่งภายหลังได้มีการพิสูจน์ว่าเป็นการปลอมเอกสาร) และเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากของทั้งสองแคว้นเข้าสู่กรุงเคียวโตะ มีการเรียกประชุมโดยฝ่ายราชสำนักเกิดขึ้น เพื่อริบยศศักดิ์และที่ดินทั้งหมดของโยะชิโนะบุ ถึงแม้ว่าจะไม่มีปฏิกิริยาใดที่อาจตีความได้ว่าฝ่ายโยะชิโนะบุจะทำความผิดหรือก่อความรุนแรงก็ตาม สำหรับผู้ที่คัดค้านการประชุมดังกล่าวก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมประชุมด้วย โยะชิโนะบุแสดงท่าทีคัดค้านและร่างหนังสือประท้วงเพื่อจะนำส่งไปยังราชสำนัก ด้วยการร้องขอของบริวารจากแคว้นไอสึ แคว้นคุนะวะ และแคว้นอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่เห็นด้วยส่วนน้อยนิดจากซะสึมะและโจชู โยะชิโนะบุได้เคลื่อนพลจำนวนมากไปกับตนเพื่อนำหนังสือดังกล่าวไปสู่ราชสำนัก

เมื่อกองทัพโทะกุงะวะมาถึงนอกเมืองเคียวโตะ ขบวนทัพทั้งหมดถูกยับยั้งไม่ให้เข้ามาในเขตพระนครหลวงและถูกโจมตีโดยทัพของซะสึมะและโจชู เปิดฉากการปะทะกันครั้งแรกของสงครามโบะชิงในยุทธการโทะบะ-ฟุชิมิ แม้กำลังของฝ่ายโทะกุงะวะจะเหนือกว่า แต่โยะชิโนะบุได้ละทิ้งกองทัพของตนท่ามกลางการต่อสู้เมื่อตระหนักว่าฝ่ายซะสึมะและโจชูต่อสู้ภายใต้ราชธวัชของพระจักรพรรดิ และหลบหนีไปยังนครเอะโดะ เขาได้กักกันตนเองให้อยู่แต่ในที่พัก และนำส่งหนังสือยอมสวามิภักดิ์ถวายแก่พระจักรพรรดิ ข้อตกลงสันติภาพได้ถูกส่งมายังโยชิโนะบุผ่านทางทะยะสึ คะเมะโนะสุเกะ ประมุขผู้เยาว์แห่งสาขาหนึ่งของตระกูลโทะกุงะวะ ผู้ซึ่งโยะชิโนะบุได้รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและแต่งตั้งให้เป็นประมุขของตระกูลโทะกุงะวะ ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1868 ปราสาทเอะโดะได้ถูกส่งมอบแก่กองทัพในสมเด็จพระจักรพรรดิ และเมืองเอะโดะทั้งเมืองได้ถูกเว้นจากการทำลายด้วยสงคราม

พร้อมกันกับคะเมะโนะสุเกะ (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โทะกุงะวะ อิเอะซะโตะ") โยะชิโนะบุได้ย้ายไปอยู่ที่ชิซุโอะกะ (ปัจจุบันเป็นเมืองเอกของจังหวัดชิซุโอะกะ) ซึ่งเป็นถิ่นฐานที่โทะกุงะวะ อิเอะยะสึ ผู้สถาปนารัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะใช้ชีวิตหลังออกจากตำแหน่งโชกุนเมื่อหลายศตวรรษก่อน อิเอะซะโตะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไดเมียวแห่งแคว้นชิซุโอะกะ แต่ในอีกไม่กี่ปีต่อมาก็สูญเสียฐานะดังกล่าวไป เนื่องจากระบบแว่นแคว้นและระบบศักดินาแบบดั้งเดิมทั้งหมดถูกรัฐบาลเมจิยกเลิก

ฮะตะโมะโตะ (ซะมุไรผู้ขึ้นตรงต่อโชกุน) จำนวนมาก ได้ย้ายติดตามโยะชิโนะบุมาตั้งถิ่นฐานที่ชิซุโอะกะด้วย แต่ด้วยจำนวนฮะตะโมะโตะที่มีมาก ทำให้โยะชิโนะบุไม่สามารถหารายได้มาดูแลคนเหล่านี้ได้เพียงพอ ผลก็คือมีฮะตะโมะโตะจำนวนมากที่เกลียดชังโยะชิโนะบุ บางส่วนส่วนถึงขนาดต้องการจะเอาชีวิตเขาด้วยก็มี โยะชิโนะบุระมัดระวังตัวเองในเรื่องนี้และหวาดกลัวลอบสังหาร จนต้องคอยสลับตารางเวลานอนของตนเอง เพื่อสร้างความสับสนแก่บรรดามือสังหารที่อาจเข้ามาฆ่าตนได้ทุกเมื่อ

ภายหลังโยะชิโนะบุและครอบครัวทั้งหมด ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่เอะโดะ (ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงโตเกียว) ในปี ค.ศ. 1897 ตราบจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

หลังการเกษียณตัวเองจากตำแหน่งทางการเมือง โยะชิโนะบุได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยไม่เปิดเผยตัวแก่สาธารณะ และทุ่มเทกับการทำงานอดิเรกต่างๆ เช่น การวาดภาพสีน้ำมัน ยิงธนู ล่าสัตว์ ถ่ายรูป หรือขี่จักรยาน รูปถ่ายบางส่วนของเขาเพิ่งจะได้รับการตีพิมพ์เมื่อไม่กี่ปีมานี้จากโทะกุงะวะ โยะชิโตะโมะ ผู้เป็นทายาทชั้นเหลนของโยะชิโนะบุ

ในปี ค.ศ. 1902 จักรพรรดิเมจิได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โยะชิโนะบุตั้งตระกูลของตนขึ้นใหม่ในฐานะตระกูลสาขาของตระกูลโทะกุงะวะ โดยได้รับพระราชทานยศเจ้าขุนนางชั้นสูงสุดคือ ชั้นโคชะคุ (เทียบเท่ากับคำว่า Prince หรือเจ้าชายในภาษาอังกฤษ) เพื่อเป็นบำเหน็จแก่การรับใช้ชาติญี่ปุ่นด้วยความภักดีของโยะชิโนะบุ

โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1913 เวลา 16:10 น. ในรัชสมัยของจักรพรรดิไทโช ร่างของเขาได้รับการฝังไว้ที่สุสานยะนะคะ กรุงโตเกียว

บุตรีคนที่ 9 ของโยะชิโนะบุ คือ "โทะกุงะวะ ซึเนะโกะ" (ค.ศ. 1882 – 1939) ได้อภิเษกสมรสกับจอมพลเรือ เจ้าชายฟุชิมิ ฮิโระยะสึ (เป็นพระญาติชั้นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่สองของจักรพรรดิโชวะและจักรพรรดินีโคจุน และเป็นพระนัดดาของเจ้าชายคังอิน โคะโตะฮิโตะ) เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1896


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301